คุยกับครู
ฉบับที่ 1/2553 :23 พ.ย.53
คุณครูที่เคารพทุกท่าน
“คุยกับครู” เป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างผมกับชาวโรงเรียนในลักษณะเคียงข้างสร้างสรรค์งานการศึกษาขั้นพื้นฐานในซีกของก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา ขยายโอกาสและการศึกษาเอกชนให้ก้าวหน้างดงาม จะพยายามคลอดให้สม่ำเสมอคงเส้นคงวาทุกๆสัปดาห์
ฉบับนี้เป็นฉบับปฐมฤกษ์ ขอนำร่องด้วยการเลียบๆเคียงๆให้รู้จักมักจี่กันเบาะๆก่อน ผมมารายงานตัวแบบลุกลี้ลุกลนเมื่อ 3 พ.ย.53 ด้วยเงื่อนไขส่วนตัวที่ต้องทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าคนเราถ้าต้องการเติบโตต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ต้องทำงานแข่งกับเวลา ใช้เวลาให้คุ้มค่า ไม่นอนหายใจปล่อยเวลาและคาร์บอนไดออกไซด์ทิ้งไปเปล่าๆ
ผมเคยเป็นครูน้อย , ศึกษานิเทศก์ , อาจารย์ใหญ่, หน.ปก., หน.ปอ., ผช.ผอ.ปจ.,รอง ผอ.สพท.และรอง ผอ.สพป. รักจะเดินในถนนสายนี้เมื่อเดินยังไม่สุดสะพานจะหยุดนั่งก็ไม่ได้ เพียรสอบ ผอ.เขตทั้งหมด 5 ครั้ง ได้ข้อคิดสำคัญว่า “สิ่งที่เราอยากได้มักจะไม่ค่อยมีใครให้” ต้องดิ้นรนขวนขวายแสวงหาอนาคต ไม่รอราชรถมาเกย...ไม่มีฝันใดเป็นจริงหากคนหยุดนิ่งเฉยชา ไม่มีฝันใดได้มาหากคนไม่กล้าท้าทาย” ท่านชลอ กองสุทธิ์ใจ อดีตเลขาธิการ กปช.บอกว่าคนจะเติบโตต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ พรสวรรค์บวกพรแสวงและแรงบุญ ทั้ง 3 อย่างคงจะมาประจวบเหมาะกับผมเข้าพอดี จึงได้มาทำงานร่วมกับพวกเรา การเติบโตครั้งนี้ไม่มีการเบียดเบียนใคร
ผมมีเวลาทำงานอีก 4 ปี ของอะไรที่ได้มายากย่อมมีคุณค่า จะพยายามรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีๆ ไม่ยอมเสียตัวให้ใครง่ายๆ หมายมั่นปั้นมือเต็มที่ว่าจะมาร่วมทำงานกับพวกเราฉันท์พี่น้องในบทบาทสำคัญคือ “การประสาน ส่งเสริมและสนับสนุน” เทคนิคสำคัญกว่าขนาดที่จะนำมาใช้จะเน้นการเดินจับถูกมากกว่าการจับผิด ดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลกันดังขอนไม้ลอยน้ำให้กบเขียดได้ใช้เป็นที่กระโดดโลดเต้นดังนิทาน เป็นต้นไม้มีร่มเงาให้นกกาได้อาศัยแม้บางครั้งจะถูกขี้รดบ้างก็ไม่เป็นไร จะไม่ทำตนเป็นนกกระสาที่คอยล่าเหยื่อทำให้พวกเราให้พวกเดือดร้อนระคายเคือง จะได้ทำงานกับเด็กและชาวบ้านด้วยความโล่งอกโล่งใจ
ผมมีความมุ่งมาดปรารถนาจากพวกเราชนิดสุดขั้ว คือ
1.ผู้บริหาร (ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้รักษาราชการแทน)
บริหารดีๆ ทำงานดูตาม้าตาเรือ เป็นผู้นำลูกน้องไปในทางที่ดีงาม อำนวยความสะดวกให้คุณครูสอนเด็กๆด้วยความสุขใจสุขกาย เป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจกับลูกน้อง สนับสนุนลูกน้องให้ก้าวหน้า การสนับสนุนลูกน้องเป็นสิ่งสำคัญ “เป็นนายถ้าไม่สนับสนุนลูกน้องจะเอาบารมีมาจากไหน” สร้างความสัมพันธ์อันดีและเป็นผู้นำทางความคิดร่วมกับชาวบ้าน เป็น“ผู้มีวิสัยทัศน์ก้าวพ้นในเรื่องของตนเอง” กล่าวคือจะทำอะไรคิดถึงคนอื่นก่อนไม่วนเวียนอยู่แต่ในเรื่องของตนเอง ควรคิดถึงประโยชน์ที่จะเกิดแก่เด็ก ชาวบ้านและครูก่อน
2.คุณครู (ครู พนักงานราชการตำแหน่งครู ครูอัตราจ้าง)
เป็น “ผู้มีวิสัยทัศน์เชิงคุณธรรม” เห็นเด็กแล้วเกิดความรัก คิดเมตตาสงสาร อยากจะช่วยเหลือ ให้ได้ดิบได้ดี ขยันหมั่นเพียรในการพัฒนาตนเอง ขยันสอนให้เด็ก “คิด ทำ นำเสนอ”ด้วยความเอาใจใส่ มีผลการวิจัยยืนยันว่าความเอาใจใส่ของคุณครูเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กมากกว่าคุณวุฒิของคุณครูอย่างลิบลับ คุณครูรักลูกคนอื่นเหมือนลูกของเราให้ลูกคนอื่นกินดีๆเหมือนลูกของเรา มิใช่ “ลูกคนอื่นกินอะไรก็ได้”
3.ทีมสนับสนุน (เจ้าหน้าที่ธุรการ พนักงานบริการ ลูกจ้าง)
เป็นกองหนุนชั้นดี แบ่งเบาภาระและผ่อนแรงผู้บริหารและครู ให้มีความคิดดีๆและเวลามากพอในการทำงานจนเกิดผลดี ให้สมใจชาวบ้านซึ่งไว้วางใจส่งลูกหลานมาเรียนกับเรา
4.เด็ก(นักเรียน)
มี วิชาการ (ความรู้ความสามารถพื้นฐานทางวิชาการที่ใช้ได้ มีความคิดที่เข้าท่าเข้าทาง) มี วิชาคน(ประพฤติตนเป็นคนดี ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมและอยู่ร่วมกันกับคนอื่นได้) และมี วิชาชีวิต (แก้ปัญหา ทำมาหากินและพึ่งตนเองได้) ไม่เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
ผมลองสรุปแนวคิดเป็นแผนภูมิที่ดูง่ายๆสบายตาดังที่ยกมาให้เห็นนี้ เวลาอออกเยี่ยมเยียนพวกเราในพื้นที่จะพยายามเก็บข้อมูลและภาพถ่ายดีๆ มาบอกเล่าเก้าสิบให้ได้ยินและยลร่วมกัน พวกเราคงจะต้องช่วยกันค้นหาหรือสร้างสรรค์ผลงานดีๆให้เกิดขึ้นที่โรงเรียนมากๆ เพื่อจะได้มาชม ชอบและเชียร์กันให้เอิกเกริก ของดีที่ว่านี้เป็นได้สารพัดไม่จำกัดประเภท รูปแบบและวิธีการใดๆ แต่จะเน้นหนักในเรื่องราวที่ส่งผลต่อคุณภาพของเด็กให้มากๆ
ช่วงนี้มีภารกิจสำคัญที่ดักรออยู่ข้างหน้าคืองานศิลปหัตถกรรมนักเรียนภาคเหนือ ครั้งที่ 60 ประจำปีการศึกษา 2553 15 – 17 ธันวาคม 2553 ที่เชียงราย งานนี้จัดเพื่อโชว์ความคิดและฝีมือของเด็กโดยเฉพาะ ส่วนของครูและอื่นๆเป็นเพียงอาหารเสริมให้งานดูดีขึ้น ของเราคัดเลือกในระดับเขตพื้นที่ไปหมาดๆเรียบร้อยแล้ว ได้รับความกรุณาและความร่วมมือสนับสนุนจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ชาวตากและพวกเราเป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งมา ณ ที่นี้ คุณครูของเราหลายท่านเสนอแนะว่า “การจัดงานปีนี้จัดได้ดี ควรจะจัดกันทุกเดือน” นับเป็นข้อเสนอแนะที่เฉียบคมมาก ก่อนจะไปเชิดฉิ่งที่เชียงรายก็ขอให้คุณครูเตรียมความพร้อมเด็กให้ดีๆ ควรพาเด็กไปรู้จักมักจี่ให้คุ้นกับสนามจริงก่อนวันประลองสัก 1 วัน เด็กจะได้ไม่มีอาการตื่นสนาม ไม่ควรกระหืดกระหอบไปรายงานตัวก่อนลงสนามแบบฉุกละหุก สมาธิจะเสียไปโดยใช่เหตุ ยามลงสู่สนามฝีมือมีความแน่อยู่แล้วต้องบวกใจที่มีความนิ่งไปด้วยจึงจะคิดอ่านทำการใหญ่ได้ ..สุดท้าย...ขอให้ “มั่งมี มั่งคั่ง มั่นคง.. ยิ่งใหญ่ ยิ่งยง คงมั่น..ยิ่งยศ ยิ่งเกียรติ สารพัน..ยิ่งวัน ยิ่งสุข สราญเทอญ”... สวัสดี.